ชะตาฟ้า ชะตาดิน ชะตามนุษย์

อันความเป็นไปของชีวิต หรือที่เราเรียกว่า “ชะตา”ของมนุษย์นั้น   ประกอบด้วย 3 ส่วนที่สอดคล้องถักทอร่วมกันอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ ชะตาฟ้า ชะตาดิน และชะตามนุษย์ 

หากท่านเป็นชาวพุทธคงทราบดีอยู่แล้วว่ามนุษย์มีกรรมเป็นเครื่องกำหนด 

ชะตาฟ้า นี่แหละคือ ส่วนที่กำหนดโดยกรรม เป็นส่วนที่เรียกว่า พื้นดวงของเจ้าชะตา

ซึ่งศาสตร์ในการพยากรณ์ต่างๆ ทั่วไปที่หากศึกษาอย่างลึกซึ้งสามารถบอกส่วนนี้กับเราได้จริง แต่นิยามก็บอกชัดอยู่แล้วว่ามันเป็นเพียง “พื้น”แห่งดวง หมายถึง พื้นฐานความเป็นไปที่เจ้าชะตาจะต้องเผชิญ ได้แก่ การเกิดมาในครอบครัวเช่นไร บทเรียนแห่งจิตวิญญาณบทใดที่เจ้าชะตาจะต้องต่อสู้และเรียนรู้ ระดับของศักยภาพแห่งความก้าวหน้าหรือต้นทุนที่ติดตัวเรา อันได้แก่ ฐานะ สติปัญญา นิสัยใจคอที่ติดตัวมาแต่เดิม มีเท่าใด เป็นต้น

ชะตาดิน หมายถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวของเจ้าชะตา

ทั้งมิติแห่งกายภาพภูมิศาสตร์ และมิติทางสังคม ศาสตร์ที่สามารถอธิบายชะตาดินได้ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น “ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย” ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลหรือชัยภูมิให้ชีวิต รวมไปถึงการจัดองค์ประกอบต่างๆ ของที่อยู่อาศัยและสำนักงานบนทำเลที่เลือกแล้วให้มีความเป็นสิริมงคลส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าให้ชีวิต แต่ก็ยังไม่ใช่ความชัดเจนของความหมายแห่ง”ชะตาดิน”

“ชะตาดิน” ต่างจาก”ชะตาฟ้า”  ตรงที่ เรากำหนดได้  

เมื่อแรกเกิดเราอาจถูกชะตาฟ้ากำหนดให้เราต้องมาเกิดและอยู่ ณ.ที่ใดที่หนึ่ง  แต่นั่นบังคับเราได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเท่านั้น  เมื่อเราเติบโต เราย่อมมีสิทธิและอิสระเสรีเพียงพอที่จะเลือกไปหรืออยู่ ณ.ที่ใดที่เราต้องการ  เลือกสังคมหรือเพื่อนที่เราจะคบ  ศาสนาพุทธสอนเราให้เข้าใจในกฎแห่งกรรม  และยังให้คำใบ้ถึงความลับในการที่เราสามารถกำหนดชะตาชีวิตของเราเองผ่านคำสอนที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”  เพียงเลือกคบคนดีเท่านั้นชีวิตคุณก็สามารถเปลี่ยนไปอย่างมากมาย

การกำหนดชะตาดินให้ตัวเราเอง นอกจากการเลือกคบคนดีแล้ว  เรายังต้องรู้จักการพาตนเองไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมกับตนเอง  ซึ่งหมายถึงที่ๆมีความเจริญรุ่งเรือง  ที่ๆเราจะมีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองทำในสิ่งใหม่ๆ นึกภาพคนที่เติบโตในชนบทห่างไกล หากต้องการความก้าวหน้าก็ต้องออกมาแสวงหาความรู้ มาศึกษาเล่าเรียนในเมือง  มาทำความรู้จักกับผู้คนหลากหลาย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน  ออกมาทำความรู้จักกับโอกาสอันหลากหลายของชีวิต  พร้อมที่จะพาตัวเดินทางไปอยู่ ณ.ที่ๆ มีความก้าวหน้าสามารถพัฒนาตนเองอย่างไม่รู้จบ  อย่าคิดว่าเราเกิดมาแค่นี้ ก็อยู่ไปวันๆแค่นี้  

“ชะตาดิน” กำหนดได้ด้วยปลายเท้าของเราเอง จงเสาะแสวงหา และหาทางเดินไปสู่ที่ๆเป็นตัวเรา ที่ๆ ช่วยเราให้พัฒนาสู่ศักยภาพสูงสุดของตัวเราเอง ซึ่งเส้นทางแห่งชะตาดินนี้ ไม่มีใครเหมือนใคร บางช่วงชีวิตเราอาจเดินตามรอยผู้อื่น แต่สุดท้าย เราต้องสร้างเส้นทางที่เป็นของเราจริงๆเพื่อตอบสนองต่อจิตวิญญาณส่วนลึกในใจของเราเอง 

ชะตามนุษย์ - หากสองเท้าหมายถึงชะตาดิน สองมือของเรานี่แหละคือความหมายของชะตามนุษย์

ชะตามนุษย์ คือ สิ่งที่เรากระทำ หรือ ที่เรียกว่า “กรรมปัจจุบัน”ในชาตินี้ ซึ่งก็อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม อันหมายถึงทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น อย่างไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ชะตามนุษย์เป็นสิ่งไม่นิ่ง ไม่คงที่ แปรผันไปตามการกระทำของตัวเราเอง เราอยากได้ อยากมี หรืออยากเป็นสิ่งใด ไม่มีใครเนรมิตขึ้นมาให้ได้ นอกจากเราต้อง “ลงมือทำ” เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา

“ชะตามนุษย์” นอกจากปัจจัยภายนอก อันหมายถึง Action หรือการกระทำแล้ว ยังมีสิ่งที่เป็นปัจจัยภายในซึ่งหมายถึง “แก่นแท้” แห่งชะตามนุษย์อันจริงแท้นั่นคือ “จิตใจ และความคิด” ซึ่งเป็นเสมือนทิศทางหรือซอฟท์แวร์โปรแกรมที่เป็นตัวกำหนดทุกการกระทำของเรา  จิตใจที่ดีงามความคิดที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม  คือกุญแจสำคัญของ”ชะตามนุษย์”  คนที่คิดดี ย่อมสร้างสรรค์หรือกระทำแต่สิ่งดีๆ  และและกรรมดีย่อมส่งผลให้เจ้าชะตาพบเจอแต่สิ่งดีๆ  สั่งสมความเจริญรุ่งเรืองแห่งชีวิตยิ่งๆขึ้นไป

ต้องถามตัวคุณเองว่า คุณต้องการกำหนดชะตาของตัวเองหรือไม่ จะยอมเป็นเพียงฝุ่นธุลีที่ล่องลอยไปสุดแต่กระแสลมจะพัดพา หาแก่นสารสาระอันใดแก่ชีวิตมิได้ หรือจะเลือกเป็นเมล็ดพันธุ์ที่รู้จักตัวตนและความต้องการของตนเอง  เลือกทำเลที่จะงอกงามหยั่งรากและเติบโตอย่างยั่งยืน 

“ชะตาฟ้า”กำหนดได้เพียงกำเนิดและต้นทุนของคุณ

แต่”ชะตาดิน” และ ”ชะตามนุษย์” เป็นของคุณ   

เพียงคุณตระหนักถึงศักยภาพของคุณและไม่ยอมแพ้กับชีวิต  ความสำเร็จย่อมเป็นของคุณ  จำไว้ว่าความสำเร็จหรือสิ่งใดก็ตามในโลกนี้จะอยู่กับผู้ที่คู่ควรเท่านั้น แล้วคุณเล่า คิดว่าตนเองคือผู้ที่คู่ควรหรือยัง?